วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

คนดีที่ไม่รู้จัก

เคยไหมคะ ที่บางครั้งเรามองคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วตัดสินด้วยความเข้าข้างตัวเองว่า คนๆนี้ดูแย่ ดูน่ารังเกียจ แต่พอรู้จักเพียงบางเสี้ยวที่เขาแสดงออกซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่เราคิด กลับพบว่าความคิดเพียงผิวเผินของเราแบบนี้ช่างน่าละอายเหลือเกิน

เมื่อหลายสิบปีก่อนที่ฉันได้รับการบรรจุแต่งตั้งให้ไปเป็นครูอยู่ที่จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งนั้น ความเหงา ความพลัดพรากจากผู้ที่เป็นที่รักทำให้ฉันกับแฟนตัดสินใจแต่งงานกันทันที่หลังจากรับราชการได้เพียง 1 ปี ทั้งๆที่เรายังคงสอนหนังสือกันคนละจังหวัด และทั้งๆที่เรายังอายุยังน้อยทั้งคู่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะได้นัดเจอกันได้โดยไม่สร้างความลำบากใจให้กับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

สองปีภายหลังจากการแต่งงานเมื่อสามีได้ย้ายกลับสู่ภูมิลำเนา ฉันก็ตั้งครรภ์ แม้ไม่พร้อมเท่าไรนักเพราะเรายังต้องแยกกันอยู่ แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยินดีปรีดากันนักหนา เพราะสามีเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน และสำหรับฉันแม้พี่ๆจะ มีครอบครัวและมีลูกกันไปแล้วหลายคน แต่สำหรับน้องเล็กอย่างฉันเมื่อบอกว่าจะมีลูก พ่อแม่และพี่ๆ ก็ยินดีด้วยอย่างยิ่ง

เมื่อย่างเข้าเดือนที่สามของการตั้งครรภ์ ฉันผู้ซึ่งเห่อลูกคนแรกพอสมควรก็ชักชวนพี่แพรว ซึ่งเป็นเพื่อนครูที่สนิทที่สุดเพราะเราพักอยู่บ้านพักครูหลังเดียวกันมานับตั้งแต่เป็นครูโรงเรียนนี้ ไปเที่ยวในตัวเมืองเพื่อจะไปซื้อชุดคลุมท้อง เราเดินซื้อของในห้างใหญ่อย่างอารมณ์ชื่นบานด้วยกันทั้งคู่ ใช้เงินอย่างเพลิดเพลินจนเหลือติดกระเป๋ากันคนละนิดหน่อย ซึ่งก็คงไม่เป็นไรถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับฉัน

ฉันเข้าห้องน้ำเพราะมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง ไม่ปวดท้อง แต่เหมือนจะเป็นประจำเดือน และเมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็พบว่าตัวเองมีเลือดออกเหมือนมีประจำเดือนจริงๆ ซึ่งสร้างความตกใจให้ฉันเป็นอย่างมาก ก็ฉันตั้งครรภ์อยู่จะมีเลือดออกได้อย่างไร เราต่างรีบเดินจ้ำอ้าวไปยัง รพ.เอกชนที่ใกล้ที่สุดในขณะนั้น

คุณหมอเมื่อรู้อาการของฉันก็สั่งให้อัลตราซาวนด์ โดยให้ฉันรอให้เกิดความรู้สึกปวดปัสสาวะมากๆ ถึงจะอัลตราซาวนด์ ซึ่งทุกช่วงเวลาที่รอฉันเครียดและกระวนกระวายมากเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และหลังจากนั้นคุณหมอก็ทำการอัลตราซาวนด์ แล้วก็บอกฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เสียใจด้วยครับ เราไม่พบทารกในครรภ์ คุณแท้งบุตร”

อารมณ์ในขณะนั้นฉันรู้สึกโศกเศร้ามากมาย ถึงแม้ลูกจะอายุครรภ์เพียงสามเดือน แต่ครอบครัวเล็กๆ ของเราคือฉันกับสามีก็ร่วมสร้างฝันด้วยกันต่างๆนานาสำหรับการจะต้อนรับสมาชิกตัวน้อยๆของเรา ฉันจำได้เลาๆในขณะนั้นว่าหมอบอกกับพี่แพรวซึ่งมีสติดีกว่าฉันว่า ฉันต้องมารับการขูดมดลูกในวันพุธ ซึ่งก็อีกสามวันหลังจากนั้น สำหรับวันนี้หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน

ฉันผู้ซึ่งอยู่ในอารมณ์เลื่อนลอยเพราะความอ่อนเพลียและความผิดหวังเสียใจอย่างที่สุด เดินตามพี่แพรวไปห้องจ่ายเงินและรับยา พอไปถึงฉันก็ ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงที่เก้าอี้ขนาดพอดีตัวที่เชื่อมด้วยเหล็ก ปล่อยหน้าที่การประสานงานกับพยาบาลห้องจ่ายยาไว้กับพี่แพรว

มีชายวัยกลางคน คนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ด้วยความที่เขาเป็นคนค่อนข้างอ้วน เก้าอี้ตัวเล็กๆ คงสร้างความอึดอัดให้กับเขาพอสมควรจึงนั่งขยับตัวไปมาทำให้เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่ตลอดเวลา และการขยับตัวของเขาก็พลอยทำให้เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่กระเทือนไปด้วย ฉันจึงมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร มองเพื่อจะบอกให้ทราบด้วยสายตาว่าฉันไม่พอใจพฤติกรรมของคุณ ก็ทำให้สังเกตขึ้นมาอีกนิดว่าเค้าเป็นผู้ชายที่ผิวค่อนข้างคล้ำ สวมเสื้อม่อฮ่อมเก่าๆ และมีท่าทีที่ไม่น่าไว้ใจ ฉันจึงไม่ต่อว่าอะไร

ขณะนั้นเองพี่แพรวซึ่งก็ยืนในช่องรับบิลค่ารักษาด้านหน้าฉัน ก็หันหลังกลับมาบอกด้วยสีหน้าวิตกกังวล “ตัวเอง ค่ารักษา 4,000 บาท” ฉันตกใจและเครียดขึ้นมาทันที เพราะเราทั้งคู่มีเงินรวมกันไม่ถึง 500 บาท เราปรึกษากันเบาๆ ว่าจะทำอย่างไรดี โดยเฉพาะขณะนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เราปรึกษากันอยู่นานก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน เราไม่คาดคิดว่าแค่การอัลตราซาวนด์และค่ายาจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงถึงเพียงนี้ (อันนี้ต้องบอกว่าเป็นค่าของเงินเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว)

ขณะที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้น ผู้ชายที่นั่งใกล้ฉันดูจะฟังพวกเราปรึกษากันอย่างตั้งใจ จนทำให้พี่แพรวและฉันรู้สึกตัวและ ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับฉันมากขึ้น ถึงกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปอีกครั้งหนึ่ง แต่พอเขาลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลของตัวเองฉันก็เลิกใส่ใจ
แล้วจู่ๆ เขาคนนั้นก็หันกลับมายัดเยียดเงินใส่มือฉัน 500 บาท พร้อมกับพูดว่า “ค่ารถกลับบ้านนะหนู รีบกลับไปได้แล้ว เห็นคุยว่าคิวรถกลับบ้านจะหมดแล้วไม่ใช่หรือ” ขณะที่เรากำลังงวยงงกับเงิน 500 บาทในมือ เขาก็ก้าวพรวดๆ จากไปอย่างค่อนข้างรวดเร็วเท่าที่คนอ้วนคนหนึ่งจะเดินได้
แม้จะงงๆ แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็ยังต้องแก้ไข ฉันกับพี่แพรวจึงตัดสินใจที่จะเจรจาขอผ่อนผันค่ารักษาพยาบาลโดยเราคิดว่าจะยอมวางบัตรข้าราชการทิ้งไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ แต่แล้วฉันกับพี่แพรวก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่บอกเราว่า ผู้ชายคนนั้นจ่ายค่ารักษาให้หมดแล้ว “อ้าว ! คุณพ่อจ่ายค่ารักษาให้แล้วนี่คะ” พี่เจ้าหน้าที่ห้องยาคงจะหมายถึงชายคนนั้น ฉันละล่ำละลักบอกพี่แพรว “พี่แพรว รีบไปขอที่อยู่เค้าให้น้องหน่อย น้องจะติดต่อขอคืนเงินเขาทีหลัง”

แต่สายเกินไป พี่แพรววิ่งกลับมาพร้อมกับบอกว่า เขาไปที่ไหนไม่รู้ ฉันและพี่แพรวต่างพูดถึงผู้ชายคนนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจในน้ำจิตน้ำใจอันแสนยิ่งใหญ่ที่เขามีให้กับเราทั้งคู่ เงิน 4,000 บาทค่ารักษาพยาบาล และเงินค่ารถกลับบ้านมันช่างเป็นน้ำใจที่มากมายมหาศาลที่เขาหยิบยื่นให้กับเราทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน และสำหรับฉัน ฉันแทบจะลืมความเศร้าโศกจากการสูญเสียลูก เพราะความตื้นตันใจกับความดีของคนแปลกหน้า

ทุกวันนี้ ฉันก็ยังรำลึกถึงเขาด้วยความขอบคุณ ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ดูจากเครื่องแต่งกายและผิวพรรณไม่ได้บ่งบอกถึงฐานะอันมั่งคั่ง ขอบคุณสำหรับบทเรียนราคาแพงที่สอนให้รู้ว่าอย่าด่วนตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก และขอบคุณที่สอนให้รู้ว่าคนทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนมีอยู่ๆจริงบนโลกใบนี้.